คำนามเอกพจน์/พหูพจน์ (Singular & Plural Nouns)
อาจารย์หายไปนาน มัวแต่สอนนักเรียนกันอยู่ ... อ้ะ ในที่สุดก็จะมาต่อกันที่ Singular & Plural Nouns >>>> มาเลยๆ
1. Singular Noun (คำนามเอกพจน์) คือ
การบอกคำนามว่ามีเพียงแค่หนึ่งเท่านั้น หมายความว่า ถ้าสิ่งที่เราต้องการพูดถึง มีเพียง “หนึ่ง” ต้องเติม a หรือ an เข้าไปข้างหน้า ( ในภาษาอังกฤษ มักไม่ใช้คำว่า one แต่ใช้ a, an เพื่อบอก จำนวนหนึ่ง แทน)
กฏการเติม a, an
สระ a e i o u ใช้ an
พยัญชนะ ตัวอักษรที่เหลือทั้งหมด ใช้ a
2. Plural Noun (คำนามพหูพจน์)
คือการบอกคำนามว่ามีเกิน หนึ่ง อาจจะบอกรวมๆว่ามีหลายสิ่งอย่าง โดยไม่ต้องบอกก็ได้ว่าเท่าไหร่
เช่น
She has six textbooks to read. เธอมีหนังสือเรียนหกเล่มที่จะต้องอ่าน
She has textbooks to read. เธอมีหนังสือเรียนหลายเล่ม (เกินหนึ่งเล่ม) ที่จะต้องอ่าน
วิธีการทำให้คำนามเอกพจน์ กลายเป็นพหูพจน์ คือเติม -s ลงไปด้านท้ายคำนามนั้น ยกเว้นว่าคำนามนั้นๆ ลงท้ายด้วย ch, sh, x, s, ss, o, y, f, fe หรือเป็นคำยกเว้นอื่นๆ
กฏการเติม -es
1. คำนามที่ลงท้ายด้วย ch, sh, ss, s, x เติม -es ข้างท้าย
เช่น a match matches
a box boxes
a brush brushes
a glass glasses
a bus buses
2, คำนามที่ลงท้ายด้วย y เฉพาะด้านหน้า y ไม่ใช่ สระ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม - es
เช่น a baby babies
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย o เฉพาะด้านหน้า o ไม่ใช่ สระ เติม - es
เช่น a potato potatoes
a tomato tomatoes
4. คำนามที่ลงท้าย f, fe เปลี่ยน f, fe เป็น v แล้วเติม -es
เช่น a wife wives
a shelf shelves
a life lives
ไม่ว่าเราจะใช้คำนามอะไรก็ตาม ในภาษาอังกฤษ ให้นึกกันไว้ก่อนเลย “ ซ้าย กับ ขวา” เท่านั้น
ซ้าย กับ ขวา เท่านั้น
มีหนึ่งเท่านั้น มีเกินหนึ่ง
เช่น วันนี้เดวิดใส่เสื้อสีดำ
ประโยคนี้ มีคำนาม 2 คำ คือ อุดม และ เสื้อ พอเจอแบบนี้ ให้คิดก่อนเลย
ชื่อ เดวิด นี่เป็นผู้ชายแน่นอน ส่วนเสื้อ ที่เดวิดใส่อยู่ มีอันเดียว หรือ มีเกินหนึ่ง ให้ฝึกแยกแยะเองในหัว
( ซ้าย กับ ขวา )
ซ้าย คือใช้ a, an ขวา คือใส่ -s,-es
ถ้า (1) ของมีเพียงชิ้นเดียว ก็ใส่ a หรือ an ข้างหน้าคำนามนั้น เสมอ
ถ้า (2) ของมีหลายชิ้น ใส่ -s หรือ -es ท้ายคำนาม
ดังนั้น เราจะเขียนประโยคนี้เป็นภาษาอังกฤษว่า
David is wearing a black T-shirt today. ถัดไป ตามไปอ่านกันต่อที่
Common Noun & Proper Noun (คำนามทั่วไปและคำนามเฉพาะ)