คำนามทั่วไปและนามเฉพาะ(Common Noun&Proper Noun)
Common Noun (คำนามเฉพาะ)
ในภาษาอังกฤษ คำนามเฉพาะคือคำนามที่มีการตั้งชื่อเรียกให้แบบเฉพาะเจาะจง โดยอาจจะเป็นชื่อคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ก็ได้ และมักเขียนด้วยอักษรตัวใหญ่ด้านหน้าสุด ขณะที่คำนามทั่วไปคือคำนามต่างๆที่ไม่ได้มีการตั้งชื่อเรียกอย่างเฉพาะเจาะจง
ยกตัวอย่าง
cookie Oreo actor Mario Maurer
city Bangkok
restaurant Sizzler
river Chao Phraya
ลองมาดูประโยคตัวอย่างนี้
เช่น Alice is trying to catch a fish at the Chao Phraya river.
ประโยคนี้ มีคำนามทั่วไป 1 คำ คือ a fish และคำนามเฉพาะ 2 คำซึ่งขึ้นต้นด้วยตัวอักษรใหญ่ ได้แก่ Alice และ Chao Phraya river พูดง่ายๆคือ Alice เป็นชื่อตั้งให้กับเด็กผู้หญิง ส่วน Chao Phraya เป็นชื่อที่ตั้งให้กับแม่น้ำสายหนึ่งที่ไหลผ่านกรุงเทพฯ นั่นเอง ทั้งสองคำเป็นคำนามเฉพาะจึงขึ้นต้นด้วยตัวอักษรใหญ่ด้านหน้าสุด
สิ่งที่ต้องดูตรงนี้คือ คำนามเฉพาะ (มักเป็นชื่อเฉพาะของสิ่งต่างๆ) ต้องเติม the ด้านหน้าเพราะถือเป็นการเจาะจง อาจารย์ยกตัวอย่างง่ายๆเลย คือ สมมติเราพูดว่า river นี่คือนามทั่วไป จะบอกจำนวนเท่าไหร่ก็ว่าไป ถ้าบอกหนึ่ง ก็ใส่ a ข้างหน้าซะ แต่ถ้าจะบอกว่าปริมาณมากกว่าหนึ่งก็ใส่ s/ es ด้านหลังลงไป แต่! เมื่อไหร่ที่แม่น้ำนี้มีชื่อ หรือใส่ชื่อข้างหน้าคำว่า river มันจะกลายเป็น คำนามเฉพาะเจาะจงทันที มีความหมายว่า ที่เดียว หนึ่งเดียว เราจึงเติม the เพราะ the สามารถใช้กับคำนามที่เจาะจงลงไปว่ามีอันเดียว หนึ่งเดียว สิ่งเดียว ก็จะกลายเป็น the Chao Phraya river
Abstract Noun (คำนามนามธรรม)
คือคำนามประเภทหนึ่ง ที่เราไม่สามารถรับรู้ได้โดยประสาทสัมผัสทั้งห้า พูดง่ายๆคือ มองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง จับต้องไม่ได้ ไม่ได้กลิ่น และกินไม่ได้ เวลานำไปใช้ เราเขียนโล่งๆ ไม่ต้องเติม a/ an และไม่เติม -s/ -es ด้วย เพราะมันนับไม่ได้นั่นเอง เช่นคำต่อไปนี้ loyalty ความจงรักภักดี belief ความเชื่อ success ความสำเร็จ fame ชื่อเสียง annoyance ความรำคาญ happiness ความสุข destruction การทำลาย curiosity ความอยากรู้อยากเห็น trust ความเชื่อใจ
ประโยคตัวอย่าง เช่น
We love Marco because of his kindness. พวกเรารักมาร์โคเพราะความมีเมตตาของเขา
คำว่า kindness คือความเมตตา ซึ่งเป็นคำนามนามธรรม มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ไม่ได้กลิ่น และกินไม่ได้ ไม่ต้องเติม a/ an และไม่เติม -s/ -es