คำนาม(Noun)คืออะไร
คำนามมีความสำคัญในภาษาอังกฤษอย่างมาก เพราะเราใช้เรียก ‘ชื่อ’ คน ของ และสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งมวล ในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้น คำนามจึงอยู่ในทุกประโยคน่ะสิ
What is N O U N ? แล้ว คำ น า ม คืออะไร
ตอบให้เข้าใจแบบง่ายง่าย *เสียงสูง* คำนามคือ คำอะไรก็ตามที่มี ‘ชื่อเรียก’ หน่ะแหละ อะไรก็ตามที่มีชื่อเรียก ถือเป็นคำนามหมด (ที่ท่องจำกันมาว่า คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่)
เช่น
Alice is trying to catch a Pokemon at the river. อลิซพยายามจับโปเกมอนอยู่ที่แม่น้ำ
ทั้ง ( Alice ) ( Pokemon ) ( river ) เป็นคำนามหมด เพราะมันเป็นชื่อเรียกงัยล่ะ หลักๆแล้ว เราใช้คำนามอยู่ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. Countable Noun & Noncount Noun (คำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้) 2. Singular Noun & Plural Noun (คำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์) 3. Common Noun & Proper Noun (คำนามทั่วไปและคำนามเฉพาะ) 4. Abstract Noun (คำนามนามธรรม) แต่ใช้จริงๆ คือสองกลุ่มแรก ทั้งสองกลุ่มนี้ เกี่ยวข้องดองญาติกันอย่างมาก เริ่มกันที่ Countable & Noncount Nouns (
1) Countable Noun ( คำนามนับได้ ) คือ คำนามที่เรานับจำนวนได้ พูดง่ายๆก็คือ บอกได้ว่ามีกี่คน กี่อัน ตรงนี้ ต้องจำไว้ว่าคำนามในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่คือคำนามนับได้นี่หละ เช่น one Pokemon ten Pokemons แปลว่า โปเกมอน เป็นคำนามนับได้ (2) Noncount Noun ( คำนามนับไม่ได้ ) คือ คำนามที่เราบอกเป็นจำนวนให้แน่ชัดไม่ได้ ซึ่งจะเป็นคำนามที่อยู่ในกลุ่ม ต่อไปนี้ 1. Substances ได้แก่ วัตถุสสารที่มีขนาดละเอียดมากซึ่งคนทั่วไปไม่นับกัน แก็ส ของเหลว และเนื้อสัตว์ 2. Activities and Sports ได้แก่ กิจกรรมและกีฬาต่างๆ ในภาษาอังกฤษนับเป็นจำนวนไม่ได้นะจ้ะ 3. Subjects ได้แก่ ชื่อวิชาเรียนต่างๆ ให้สังเกตว่าชื่อวิชาบางวิชามักจะเติม -s ข้างท้ายด้วย 4. Languages ได้แก่ ชื่อภาษาต่างๆ ถือว่านับไม่ได้ 5. Abstract Nouns ได้แก่ คำนามที่มีเพียงแต่ชื่อ ไม่มีรูปร่าง จับต้องไม่ได้ 6. Collective Nouns ได้แก่ คำนามที่ใช้เรียกคนหรือของที่เป็นกลุ่มๆ ในภาษาอังกฤษจัดว่านับไม่ได้ หัวใจของเรื่องนี้ คือการทำความเข้าใจและจำให้ได้ว่า Countable Noun จะแบ่งออกเป็นสองอย่าง ได้แก่ นับได้แบบมีเพียงหนึ่ง (เอกพจน์) กับ นับได้แบบมีมากกว่าหนึ่ง (พหูพจน์) ความสำคัญของมันอยู่ตรงที่ว่า หากคำนามนับได้ มีอันดียว เราเรียกคำนามนั้นว่า Singular Noun (คำนามเอกพจน์) และจะเข้ากฏการเติม a/ an ด้านหน้า เพราะมีเพียง ‘หนึ่ง’ แต่ หากคำนามนั้นมีมากกว่าอันเดียว เราเรียกคำนามนั้นว่า Plural Noun (คำนามพหูพจน์) และจะต้องเติม -s, -es ด้านท้าย เพื่อแสดงว่ามันเป็นพหูพจน์ ขณะเดียวกัน Noncount Noun จะใส่อะไร ไ ม่ ได้เลย ใส่ a, an ไม่ได้ จะใส่ -s, -es ก็ไม่ได้ เวลานำไปใช้ ให้เขียน โ ล่ ง ๆ เช่น Alice is trying to catch a Pokemon at the river. อลิซพยายามจะจับโปเกมอนตัวหนึ่งที่แม่น้ำ = คำนามนับได้มีอันเดียว Pokemon ใส่ a ด้านหน้า เพราะมีอันเดียว Alice is trying to catch three Pokemons at the same time. อลิซพยายามจะจับโปเกมอนสามตัวพร้อมกัน = คำนามนับได้มากกว่าหนึ่ง Pokemon ใส่ -s ข้างท้าย เพราะมีเกินหนึ่ง Alice fell into water and got herself soaked. อลิซพลัดตกน้ำและเปียกโชกไปทั้งตัว = คำนามนับไม่ได้ water ไม่ใส่อะไรเลย เขียนโล่งๆ ปกติ เพราะเป็นของเหลว มันนับไม่ได้ ไว้คราวหน้ามาต่อที่ Singular & Plural Nouns